UFABETWINS 40 ปีก่อนวงการมวยโลกต้องสั่นสะเทือน เมื่อปีศาจแห่งรุ่นเฮฟวี่เวตกำลังถือกำเนิดขึ้น รวดเร็ว, หนักหน่วง และดุดัน

คือคุณสมบัติที่ทำให้เซียนมวยทั่วโลกทุบโต๊ะดังฉาดและบอกว่า “ยุคสมัยใหม่ของเฮฟวี่เวตเดินทางมาถึงเเล้ว” ปีศาจตนนั้นคือ ไมค์ ไทสัน และชื่อเสียงในวันที่เขาก้าวเข้ามา ทำให้รุ่นใหญ่ค้างฟ้าอย่าง จอร์จ โฟร์แมน มองว่า “มันจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว?” เมื่อมีความสงสัย ดรีมแมตช์ก็เริ่มถูกร่างขึ้น ในขณะที่ทุกคนรอคอยกันทั้งโลก ไฟต์นี้กลับไม่เคยเกิดขึ้นเลย เรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร และตำนานอย่าง มูฮัมหมัด อาลี มาเกี่ยวด้วยตอนไหน ? ติดตามได้ที่นี่

เรื่องมันเริ่มจากแค่ 2 คน ก่อนที่ ไมค์ ไทสัน จะก้าวเข้ามา โลกของเฮฟวี่เวตถูกปกครองโดยยอดนักมวยหลายคน และ 2 ในนั้นคือ มูฮัมหมัด อาลี กับ จอร์จ โฟร์แมน โคตรมวยที่มีดีคนละแบบ อาลี นั้นพริ้วไหวเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้งตามฉายา ส่วนโฟร์แมนนั้นแตกต่าง เขาอาจจะเชื่องช้าหากเทียบกับ อาลี แต่หมัดของเขานั้นชั้นหนึ่ง แม้แต่ อาลี ก็ยังต้องยอมศิโรราบ นั่นคือเรื่องราวของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด มันเหมือนเรื่องราวของ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ขับเคี่ยวกันมาตลอดชีวิตนักกีฬาอาชีพ ตัวของ โฟร์แมน นั้นเก่งแค่ไหนใครก็รู้ เขาเคยถือเข็มขัดเเชมป์เฮฟวี่เวต 3 สถาบันทั้ง WBA,WBC และ IBF อย่างไรก็ตามแม้จะเก่งขนาดนั้น เขากลับไม่ป๊อปปูลาร์เท่ากับ อาลี ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเวลาซึ่ง โฟร์แมน ถือเข็มขัดเเชมป์โลก เขาดีกว่า อาลี หลายด้าน เพราะอายุน้อยกว่าถึง 7 ปี ความสดและความหนักถือว่าข่ม “แชมป์มหาชน” อย่าง อาลี มิดเลยทีเดียว ที่บอกว่าเรื่อง อาลี และ

UFABETWINS

โฟร์แมน นั้นเหมือนกับเรื่องราวของ โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้คำตอบว่าใครเก่งกว่าใครอย่างเดียว แต่อีกมุมหนึ่งที่หลายคนไม่รู้คือ ในช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างก็อยากเป็นเบอร์ 1 แฟนคลับของทั้งคู่ต่างก็บอกว่านักชกขวัญใจของตนนั้นเจ๋งกว่า แต่ความจริงแล้ว แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเริ่มต้นจากความชิงดีชิงเด่น ทว่าสุดท้ายหลังจากได้ขึ้นชกในไฟต์ที่ชื่อว่า The Rumble in the Jungle จบลง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนไป จากเคียดแค้น

อาฆาต กลายเป็นยอมรับและให้ความเคารพ “ผมยังจำได้ ในวันที่ผมเป็นแชมป์เฮฟวี่เวต จริง ๆ แล้วนักมวยยุคนั้นไม่ได้อยากถูกเรียกว่าแชมป์หรอก แต่ที่พวกเราทุกคนต้องการถูกเรียกคือ ‘คนที่พิชิตอาลีได้” โฟร์แมน เริ่มเล่า “การคว่ำอาลีคือสิ่งที่นักมวยในยุคนั้นต้องการ แต่ความจริงคือไม่มีใครที่เอาชนะเขาได้หรอก แม้กระทั่งคุณสามารถชนะเขาบนสังเวียนได้ คนอื่นๆ ก็จะบอกว่า อาลี ไม่สมควรแพ้ และถึงแม้ อาลี จะเป็นคนแพ้ แฟน ๆ ก็ยังอยากได้ลายเซ็นกับอ้อมกอด

จาก อาลี มากกว่าคุณอยู่ดี” “ความยิ่งใหญ่ของ อาลี คือสิ่งที่เขาทำต่างหาก มวยก็แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่เขาทำได้ ตอนที่ผมมีเข็มขัดแชมป์โลก อาลี เริ่มแสดงตัวในการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่ ไม่ว่าเขาจะไป ยุโรป, แอฟริกา, ซาอุดิอาระเบีย ทุกคนอยากจะสัมผัสเขา” สิ่งที่ อาลี แสดงให้เห็นทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง The Rumble in the Jungle ทำให้ โฟร์แมน รู้ว่าหากจะมีนักชกสักคนบนโลกนี้ที่สู้ให้ตายก็ไม่มีวันชนะ คงมีเพียงแค่ อาลี คนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ

“บิ๊กจอร์จ” ไม่เคยครั่นคร้ามไม่ว่ากับใคร หมัดของเขาหนักเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ ไล่เก็บทุกแชมป์ทุกเข็มขัดพิสูจน์ตัวเองและความเชื่อที่ว่า “นอกจาก อาลี ใครก็ได้” เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดพลาดแพ้ไป 1 ไฟต์ จากนั้นทุกอย่างในวงการมวยที่เขาสร้างมาก็พังทลาย นักมวยคนนั้นที่เอาชนะเขาชื่อว่า จิมมี่ ยัง โดยหลังจากไฟต์นั้นมีการแซวกันว่า หมัดของ ยัง คือหมัดปราบมารที่แฝงอยู่ในร่างของ โฟร์แมน ออกไปจนหมดสิ้น จากหมัดปืนใหญ่ สู่นักรบแห่งแสงธรรม

วันเวลาแห่งยุคทองของเฮฟวี่เวตได้ผ่านพ้นไป มูฮัมหมัด อาลี หมดสภาพจากโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้าแขวนนวมไปก่อนเข้ายุค 80s ขณะที่ โฟร์แมน เอง ทั้ง ๆ ที่อายุแค่ 28 ปี และถือว่าเป็นช่วงอายุที่พีกที่สุดของนักมวย ทว่าหลังจากที่หมด อาลี ไป ไฟในการใฝ่หาความยิ่งใหญ่ของเขาก็เบาบางลง ในปี 1977 เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไม่ดีอย่างเดิมอีกต่อไปแล้ว ในการชกกับ จิมมี่ ยัง ที่ โฟร์แมน แพ้ในไฟต์นั้น มีรายงานว่าเมื่อเขาเดินถึงห้องพักนักกีฬา เขาทิ้งตัวลงเหมือน

UFABETWINS

กับคนใช้แรงเฮือกสุดท้ายไปหมดแล้วและใกล้จะตาย ตอนนั้นสภาพจิตใจของ โฟร์แมน ย่ำแย่หนักมาก จากคนที่ร่างกายแข็งแรงมาตลอด กลับพบว่าอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ด้านจิตใจนั้นก็อยู่ในช่วงสิ้นหวังไร้แรงจูงใจ เขารู้สึกกลัวตาย และนั่นทำให้เขาตัดสินใจแขวนนวม หันไปเข้าหาศาสนาแบบเต็มตัว ค้นพบชีวิตที่มีความสุขที่แท้จริง “ผมไม่สนใจว่าต่อจากนี้จะต้องเจอกับความตาย เพราะต่อให้ตาย ผมยังคงเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ข้างผม” ประโยคนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาหันหน้า

เข้าศาสนาและเลิกชกมวยอยู่หลายปี จนกลายเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในคริสตจักร อย่างไรก็ตาม โฟร์แมน หนีความจริงไม่พ้น เมื่อจิตใจสงบและกลับมาไม่กลัวอะไร ร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้นอย่างน่าประหลาด โรคภัยของเขาหายไป โฟร์แมน ขึ้นเทศน์ในทุกวันที่มีกิจกรรมของโบสถ์ ทว่าเขาไม่อาจจะหนีความจริงที่ว่าตนเองเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้ เรื่องราวมันเกิดขึ้นหลังจากเขาวางมือไป 10 ปี ใช่เเล้ว เขาอายุ 38 ปีในตอนนั้น สำหรับนักมวยสากลระดับโลกในช่วงวัยนี้

หากเดินขึ้นเวทีไปเจอกับพวกรุ่นใหม่ รับรองได้กลายเป็นหมูให้เด็ก ๆเชือดแน่ แต่ โฟร์แมน ในเวอร์ชั่นที่เป็นนักรบของพระเจ้าไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่แล้ว เขาประกาศคัมแบ็คในปี 1987 โดยให้เหตุผลว่า “นี่คือภารกิจแห่งเเสงธรรม” เนื่องจากรายได้ทั้งหมดหลังการชก เขาจะมอบให้มูลนิธิของโบสถ์เพื่อเอามาสร้างศูนย์พัฒนาเยาวชน โดยมันจะต้องใช้เงินมากโขในการสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่การซื้อที่ดิน จนถึงการก่อสร้างและตกแต่ง ดังนั้น “มวย” คือเครื่องมือทำ

เงินที่เร็วที่สุดของเขา โฟร์แมน ถอดชุดสาธุคุณนักเทศน์ออกและใส่นวมอีกครั้ง นักรบแห่งแสงธรรมพร้อมออกโรง ในวัย 38 ปี โฟร์แมน ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่เขายืนยันว่าการคัมแบ็คหนนี้เขาจะต้องคว้าเข็มขัดเเชมป์โลกให้จนได้ เขาเริ่มกลับมาฟิตร่างกายอีกครั้งด้วยสภาพที่อาจจะถดถอยไปบ้างตามอายุ แต่เรื่องของจิตใจ โฟร์แมน บอกว่าเขาแกร่งยิ่งกว่าตอนเป็นหนุ่มเสียอีก

 

คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล