ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงในเกมลูกหนังอย่างหนึ่ง แต่มันก็แลกมาด้วยเหตุการที่ไม่คาดฝัน ว่าจะเกิดขึ้น
ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูของ เชลซี ปะทะกับ สตีเฟ่น ฮันท์ จนถึงขั้นกะโหลกร้าวในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษเมื่อ 14 ตุลาคม 2006
เช็ก ในวัย 24 ปีในตอนนั้น ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรอยัล เบิร์กเชียร์ ในทันทีก่อนที่จะถูกส่งตัว ไปยังผู้เชี่ยวชาญจากการบาดเจ็บ ที่สมอง โรงพยายาลเร้ดคลิฟฟ์ ที่อ็อกซ์ฟอร์ด และต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินในทันที
การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี โดยที่มีแผ่นโลหะสองแผ่น แปะติดกับกะโหลกศีรษะของ เช็ก ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับมาลงสนาม ได้อีกครั้งใน 3 เดือนให้หลังโดยสวมหมวกป้องกัน แบบเดียวกับนักรักบี้ จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของ เช็ก ในเวลานั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกวันนี้ สนามฟุตบอลต้องมีรถพยายามสแตมบายด์ เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถือเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในเกมลูกหนัง
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ก็คือร่างกาย และผลกระทบของ ปีเตอร์ เช็ก จากเหตุการณ์ในวันนั้นเมื่อ 15 ปีก่อน
ความทรงจำที่หายไป
“ผมลงเล่นให้กับ เช็ก ที่เจอ ไอร์แลนด์ ที่ดับลิน 2-3 ก่อนหน้า ผลจบลงที่การเสมอ 1-1, ผมบินตรงกลับลอนดอน และรู้สึกเหนื่อยจากช่วง เกมทีมชาติ ดังนั้นคืนก่อนหน้าเกมกับ เร้ดดิ้ง ผมเข้ารับการนวด ซึ่งผมไม่ทำบ่อยนัก ในการขจัดความอ่อนล้าให้ดีขึ้น จากนั้นผมก็เช้าห้องนอนที่โรงแรมนั่น คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้”
“ผมคิดว่าผมจำได้ว่าไปที่สนาม และห้องแต่งตัวและทำการ อบอุ่นร่างกาย แต่ในเดือนสิงหาคม 2007 ตอนที่เรามา เร้ดดิ้ง เพื่อเจอกับพวกเขา ผมรู้ว่ามันเป็นความบังเอิญ ของสนามกีฬาที่แตกต่าง ผมคิดว่าพื้นที่ในร่ม ดูแปลกไป แต่เมื่อเราเข้าไปในนั้น และผมเริ่มเดินไปที่ห้องแต่งตัว ผมไม่ใช่ในแบบ ที่ผมจำได้ดลย ผมคิดว่าผมทำอะไรไม่ได้ น่าจะเป็นเหตุการย้อนหลัง ที่เป็นสนามกีฬาที่แตกต่างออกไป อย่างสิ้นเชิง
“ทุกครั้งที่ผมได้สติขึ้นมา แพทย์ก็จะถามคำเดิมๆกับผม ซึ่งผมก็ลืมคำตอบทุกครั้ง ผมจะหลับไปอีกครั้ง ตื่นขึ้นมาในอีก 2-3 ชั่วโมงให้หลังและจำอะไรไม่ได้อีกเลย”
“คำถามมันเกี่ยวกับเวลา, ผมอยู่ที่ไหน, รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น, นั่นนี่ มันเป็นเงลา 3 วันที่ถามคำถามเดิม ก่อนที่ผมจะทำมันได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญอย่างมาก สำหรับทุกคนรอบตัวผม! พวกเขาต้องอธิบายให้ผมฟังถึง 150 ครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกครั้ง ที่ผมจำไม่ได้”
“เมื่อคุณจำอะไรไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ที่สุดเลย เมื่อคุณถูกถามคำถามง่ายๆ เช่นกี่โมง และคุณก็รู้ว่านี่เป็นแค่คำถามง่ายๆ แต่คุณไม่สามารถตอบได้ นั่นเป็นประสบการณ์ ที่ไม่เหมือนใครเลย ไม่ใช่ในทางที่ดีนะ มันยังคงอยู่ในใจผม
“ไม่มีใครรู้ว่า ผมจะกลับมาได้เมื่อไร มีคำถามมากมาย และไม่มีคำตอบมากมาย ในหัวของผม ผมต้องเตรียมพร้อม สำหรับการยุติเส้นทางค้าแข้ง มันทำให้ผมมองเห็นสิ่งต่างๆ ในแนวทางที่ต่างอกไป”
กุญแจสู่การกลับมา
“ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อที่จะลงเล่นในเกมที่ผมรักต่อไป ผมวางเป้าหมายและตั้งใจ ผมไม่เคยถามตัวเลย”
“ผมทุ่มแรงกายแรงใจไปกับการทำในสิ่งที่เหมาะสม โดยได้รับคำแนะนำจากทีมแพทย์ ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน ผมสามารถผ่านมันไปได้และกลับมาลงสนามได้เร็วกว่าที่ใครคาดคิดไว้มาก”
“เมื่อคุณพยายามอย่างสุดความสามารถ คุณให้โอกาสตัวเอง ด้วยแรงสนับสนุนทั้งหมดทั้งปวง การดูแลของทีมแพทย์จากสโมสรและโรงพยาบาลอ็อกซ์ฟอร์ด นั่นเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผมที่กลับมา”
“บางคนอาจสงสัยว่าผมจะเป็นผู้รักษาประตูคนเดิมรึเปล่า แต่ผมไม่เคนเล่นฟุตบอลเพื่อพิสูจน์อะไรต่อใคร ผมเล่นเพื่อทำให้ดีที่สุดในทุกวัน ในช่วง 3 เดือนของการฟื้นฟูร่างกาย การทำงานหนักทางร่างกายผมทำด้วยตัวเองหมายความว่าผมฟิตอย่างมากและรู้สึกดีจริงๆ”
“ผมจะไม่กลับไปถ้าไม่ได้รู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสม มีคำถามมากมายเกี่ยวกับสถานการณ์ของเกม แต่ผมมั่นใจจริงๆว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผมหรือวิธีที่ผมเลย ผมรู้สึกพร้อมจริงๆ”
“แม้ว่าทีมแพทย์และนักจิตวิทยาจะบอกกับผมว่าเกมกับ ลิเวอร์พูล ยังเร็วเกินไปในแง่ของสภาพจิตใตและอารมณ์ของผม ผมก็พร้อม”
อะไรก็เกิดขึ้นได้
“ด้วยการสวมหมวก ผมรู้ว่าผมได้รับการป้องกัน มันไม่ได้หยุดผมจากการกระทบกระเทือนแต่มันป้องกันผลกระทบส่วนใหญ่ได้ ทันทีที่ผมรู้ว่าศีลยแพทย์โอเคที่ผมจะกลับมาซ้อมได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ในวันถัดมาผมมีหนึ่งเซสชั่นกับทีม จนถึงตอนนั้นผมต้องซ้อมด้วยตัวเอง แต่ผมก็ฟิตและพร้อมลุย”
“ผมต้องบอกว่าในครั้งแรกที่ผมกลับมาซ้อม ผมพุ่งเข้าใส่เท้าของคนอื่น ผมไม่มีความกลัวหรือความวิตกกังวลอะไร ผมรู้ว่าคุณสามารถได้รับบาดเจ็บโดยไม่คิดถึงมัน อะไรที่เกิดขึ้นในสนามนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ คุณรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้จริงๆ แต่ผมยอมรับและรับมือกับมัน”
“ข้อดีคือผมจำเหตุการณ์ในสนามไม่ได้ มันยากที่จะกลัวในสิ่งที่คุณจำไม่ได้ ผมไม่เคยลงสนามแล้วคิดว่า ‘ฉันบาดเจ็บได้ยังไง’ ฟุตบอลเป็นเกมของการปะทะและด้วยความเร็วสูงนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้”
ส่วนหนึ่งของการเดินทาง
“เมื่อหวนคิดถึงเส้นทางอาชีพของผม ผมไม่เคยแบ่งเวลาก่อนและหลังบาดเจ็บ สำหรับผมมันไม่ต่างกัน หลังจากปี 2006 มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นหลายอย่าง, ได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก, ดับเบิ้ลแชมป์, เอฟเอ คัพหลายสมัย ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากผมได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ”
“มันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางอาชีพและชีวิตของผมที่ผมได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนโชคดี พวกเขาเจ็บแค่เล็กน้อย บางคนเจ็บครั้งใหญ่ เจ็บเอ็นหัวเข่า ผมผ่านสิ่งทร่แตกต่างและนั่นเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพผม”
“ทุกครั้งที่ถึงวันครบรอบจะมีบางคนพูดถึงมัน ดังนั้นคุณไม่สามารถทำอะไรได้ ลูกๆของผมเห็นมัน เมื่อคุณเห็นมัน คุณคิดว่า ‘นั่นคือทั้งหมดที่ต้องการ’ ผมไม่เคยมีปัญหาในการม้องย้อนกลับไปและเสียใจกับตัวเอง ผมใช้มันเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในเกมฟุตบอลและชีวิตโดยรวม มีช่วงเวลาที่คุณต้องก้าวข้ามมันไปและนี่คือหนึ่งในนั้น ผมแฮปปี้ทำก้าวข้ามมันมาได้”
“ความโล่งใจที่ผมสามารถกลับมาได้ ยังคงเป็นความรู้สึกหลังที่ผมมี เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในเวลานี้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมต้องการกลับมา และมันขึ้นอยู่กับผมที่จะต้องฟิตและพร้อม เมื่อผมกลับมา ผมเลือกที่จุดที่ผมค้างคาและผมมี 13 ปีในเส้นทางอาชีพระดับสูง ที่เต็มไปด้วยรางวัลและแชมป์มากมาย”
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล